โดย คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
คนที่เรียนบริหารธุรกิจและมีวิชาเอกคือวิชาการเงิน
สามารถเลือกเส้นทางอาชีพสายตรงได้ 4 สายหลักๆ คือ สายการธนาคาร (Banking)
การเงินของบริษัท (Corporate Finance) สายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ
(Securities and Investment Banking) และสายจัดการลงทุน (Fund Management)
สายการธนาคาร เป็น
สายที่นักการเงินคุ้นเคยมากที่สุด และเป็นสายงานที่เก่าแก่ที่สุด
สมัยที่ดิฉันอยู่ต่างจังหวัด ใครได้ทำงานธนาคารถือว่าโก้สุดๆ
ได้สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ผูกเนกไท ได้นั่งทำงานในสถานที่ที่โอ่โถง ภูมิฐาน
และไปพบลูกค้าลูกค้าก็จะต้อนรับทักทายปราศรัยด้วยเป็นอย่างดี
สายนี้จะเน้นหน้าที่หลักคือปล่อยสินเชื่อ ซึ่งประกอบด้วยการวิเคราะห์เครดิต
การวิเคราะห์ธุรกิจและโครงการ
รวมถึงการจัดวงเงินสินเชื่อที่เหมาะสมกับธุรกิจของลูกค้า
ผู้ทำหน้าที่นี้อาจเรียนจบเศรษฐศาสตร์แล้วมาฝึกฝนเรียนรู้ในงานก็ได้
นอกจากการปล่อยสินเชื่อแล้ว
อีกหน้าที่หนึ่งที่ต้องอาศัยผู้มีความรู้ทางด้านการเงินคือ สายบริหารเงิน
ทั้งสกุลเงินบาทและสกุลต่างประเทศ ซึ่งรวมถึงการเป็นดีลเลอร์
และเทรดเดอร์ด้วย กลุ่มนี้จะต้องคิดเร็ว ตัดสินใจเร็ว เพราะมีโอกาสทำกำไร
หรือทำให้ขาดทุนได้ ส่วนใหญ่ผู้ทำงานด้านนี้มักจะมีทักษะทางคณิตศาสตร์ดีมาก
และในระยะ 30 ปีที่ผ่านมา นิยมรับผู้จบปริญญาโททางการเงิน
ที่มีพื้นฐานปริญญาตรีทางวิศวกรรม สันนิษฐานว่า
เกิดจากการที่ธนาคารกสิกรไทยส่งนักเรียนทุนที่จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์
ไปเรียนปริญญาโททางด้านการเงิน แล้วกลับมาทำงานบริหารเงินได้ดี
คนอาจจะสงสัยว่า หน้าที่อื่นๆ เช่น หาเงินฝากหรือดูแลด้านอื่นๆ ในธนาคาร
ไม่จำเป็นต้องจบการเงินหรือไฉน ก็ต้องขอตอบตามที่สังเกตมาว่า
เจ้าหน้าที่ที่ดูแลด้านอื่นๆ นั้น อาจจะจบทางด้านเศรษฐศาสตร์ บัญชีการตลาด
กฎหมาย หรือทางด้านสังคมศาสตร์อื่นๆ ก็ได้ค่ะ
การเงินของบริษัท
คือผู้ที่ทำหน้าที่กระเป๋าเงินให้กับองค์กรธุรกิจต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจที่แสวงหาผลกำไร หรือไม่แสวงหาผลกำไร
หน้าที่ก็มีตั้งแต่จัดหาเงินมาใช้ในการดำเนินกิจการ ซึ่งมีทางเลือกหลักๆ
คือ ใช้ส่วนของทุน (Equity) ใช้เงินกู้ยืม (Debt) หรือใช้เครดิตทางการค้า
(Supplier’s Credit) ส่วนที่ใช้ตราสารใหม่ๆ ก็จะแทรกอยู่ในหมวดหลักๆ
เหล่านี้ทั้งนั้นค่ะ เช่น หุ้นกู้แปลงสภาพ ก็เป็นตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน
ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrant) ก็เป็นอนุพันธ์ของตราสารทุน เป็นต้น
นอกจากการจัดหาเงินแล้วก็ต้องดูแลการใช้เงิน และจ่ายเงิน เช่น
การซื้อวัตถุดิบ การควบคุมจำนวนสินค้าระหว่างผลิต
การควบคุมลูกหนี้การค้าในกรณีที่มีการให้เทอมเครดิตกับผู้ซื้อ
และการจัดเก็บหนี้ให้มีประสิทธิภาพ
ผู้ทำหน้าที่ดูแลการเงินของบริษัท
ถ้าเป็นในสมัยก่อนที่เป็นธุรกิจครอบครัว ก็อาจจะเป็นเถ้าแก่เนี้ย
คือภรรยาของเจ้าของกิจการดูแลเอง
สมัยนี้ตำแหน่งสูงสุดก็เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารทางการเงิน (Chief
Financial Officer) ซึ่งในหลายๆ องค์กรก็เป็นผู้หญิง ตำแหน่งทางการเงินนี้
มักจะเป็นตำแหน่งที่เป็นหมายเลขสองขององค์กร เพราะเป็นผู้กุมกระเป๋าเงินค่ะ
สายหลักทรัพย์และวาณิชธนกิจ ใน
ยุคใดที่ตลาดหุ้นรุ่งเรือง ผู้ทำงานในสายนี้จะเป็นมนุษย์ทองคำกันเลยทีเดียว
ได้โบนัสกันเป็นจำนวนเดือนที่เป็นเลขสองหลัก
ทำให้สายนี้ดึงดูดผู้คนเข้ามาทำงานกันมากมายในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
แต่ชีวิตมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ยามตลาดซบเซาก็ได้รับซองขาวให้จากไปเพื่อลดค่าใช้จ่ายของบริษัทเช่นกัน
ส่วนใหญ่ผู้ที่เรียนจบด้านการเงินจะเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
(Securities Analyst) และเป็นวาณิชธนากร (Investment Banker)
หน้าที่ของวาณิชธนากรนี่กว้างมากเช่นกัน
ทำได้ตั้งแต่ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าในการจัดโครงสร้างทางการเงิน
หรือทำหน้าที่ด้าน Corporate Finance เนื่องจากบริษัทบางแห่งจะมีขนาดใหญ่โต
มีความต้องการทางการเงินหลากหลาย
ผู้ทำหน้าที่ดูแลการเงินของบริษัทในสายงานกลุ่มที่สองที่กล่าวถึงเบื้องต้น
อาจไม่สามารถดูแล ตัดสินใจได้ ต้องอาศัยคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
วาณิชธนากรยังให้คำปรึกษาในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
และนำหุ้นออกเสนอขายให้กับประชาชน (IPO) โดยจะช่วยทำเอกสาร
ช่วยประเมินมูลค่าหุ้น ช่วยนำเสนอต่อผู้ลงทุน
และอาจจะช่วยดูแลหุ้นหลังจากเข้าไปทำการซื้อขายในตลาดแล้วสักระยะหนึ่ง
และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเข้าซื้อกิจการและการควบรวมกิจการอีกด้วย
สายจัดการลงทุน
แต่เดิมการจัดการลงทุนเป็นหน่วยงานหนึ่งขององค์กรที่มีเงินเหลือ เช่น
ธนาคารพาณิชย์ โดยธนาคารจะบริหารสภาพคล่องส่วนเกิน
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสายบริหารเงิน
และในบางครั้งก็อาจมีการพิจารณาลงทุนในบริษัทต่างๆ
บ้างเมื่อมีผู้เสนอให้ลงทุน นอกจากนี้ กลุ่มจัดการลงทุนนี้
ยังทำหน้าที่อยู่ในสถาบันต่างๆ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย มหาวิทยาลัย
องค์กรเพื่อการกุศล และบริษัทหรือบุคคลต่างๆ ที่มีเงินให้บริหารจัดการ
เพื่อหารายได้จากการลงทุน กลุ่มนี้จะเป็นการบริหารเงินลงทุนเพื่อองค์กร
(Proprietary Investment)
สายการจัดการลงทุนเพื่อบุคคลอื่นนั้น เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในช่วง 14
ปีที่ผ่านมา เนื่องจากทางการได้เพิ่มใบอนุญาตจัดการลงทุน จากเดิมที่มีเพียง
1 บริษัท เป็น 8 บริษัท
จดกระทั่งในปัจจุบันมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจจัดการลงทุน ทั้งกองทุนรวม
กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวม 30 บริษัท
ถือว่าไม่น้อยทีเดียว
งานของนักการเงินในสายจัดการลงทุนนี้
จะเป็นงานวิเคราะห์อุตสาหกรรมและวิเคราะห์หลักทรัพย์
และที่คนมองว่าเป็นหัวใจคือ การจัดการลงทุน จริงๆ แล้วต้องทำงานเป็นทีมค่ะ
การวิเคราะห์ก็มีความสำคัญมาก หากวิเคราะห์ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะเสียโอกาส
หรืออาจจะเสียเงิน และยิ่งเป็นเงินของผู้อื่นแล้ว
ยิ่งมีความเครียดและกดดันมากกว่าการบริหารเงินของตนเองเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นงานในสายใด ทั้งสี่สายนี้ต่างก็ต้องอาศัยการวิเคราะห์
และความรอบคอบทั้งนั้น เนื่องจากต้องทำเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ
ข้อผิดพลาดจึงเป็นเรื่องใหญ่ คงต้องนำไปเขียนต่อสัปดาห์หน้าแล้วล่ะค่ะ
ว่าหากจะเลือกทำงานในสายต่างๆ ที่ว่ามานี้ จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
จะเตรียมตัวอย่างไร และควรจะเลือกเรียนวิชาใดเป็นการเฉพาะเจาะจง